โครงการก่อสร้างอาคารราชสาทิส

1 ก.พ. 2024
icon-share
แชร์

ที่ตั้งอาคารราชสาทิสหลังเดิมเป็นที่ตั้งของเรือนพยับหมอก  เป็นเรือนผู้ป่วยพิเศษชาย  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล  รัชกาลที่  8  ได้พระราชทานเงินส่วนพระองค์เป็นค่าก่อสร้างในปี พุทธศักราช 2488  และได้ใช้ในกิจการบำบัดรักษาผู้ป่วยอยู่นานถึง 14 ปี (จากหนังสือ 100  ปี จิตเวช หน้า 36,37 และหนังสือ 80 ปี จิตเวช บรรยายภาพ)

ต่อมาเรือนพยับหมอกได้ชำรุดทรุดโทรมลงอย่างมาก  ในปี พุทธศักราช 2502  จึงได้มีการสร้างอาคารผู้ป่วยในพิเศษจิตเวชชายขึ้น 1 หลังทดแทน  เรือนพยับหมอกเป็นอาคาร 2 ชั้น มีห้องผู้ป่วยจำนวน 20 ห้อง  เงินที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นเงินส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  รัชกาลที่  9  ทรงพระราชทานให้จากการฉายภาพยนตร์ส่วนพระองค์  ชุดเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร์ภาคใต้  เป็นเงิน 409,000 บาท  และผู้มีจิตกุศลบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลอีกจำนวน 91,000 บาท และทรงพระราชทานนามอาคารหลังนี้ว่า ราชสาทิส ความหมายของราชสาทิสคือพระราชาทรงเจาะจง (พระราชทาน) ร่วมด้วย  * ตามเอกสารหมายเลข 1 ,2 และ 3 อาคารหลังนี้เมื่อสร้างแล้วเสร็จ  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จทำพิธีเปิด  เมื่อวันที่  27  มิถุนายน  2503 (ตามเอกสารหมายเลข 4,5,6,7 และ 8) อาคารหลังนี้ได้ใช้ประโยชน์ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชายอย่างต่อเนื่องนานถึง 40 ปี   สภาพของอาคารอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม  ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมหลายครั้ง และได้ปรับปรุงซ่อมแซมครั้งสุดท้ายเมื่อปีพุทธศักราช 2541  ด้วยงบประมาณเงินบำรุงโรงพยาบาล 210,000 บาท  เพื่อให้อาคารยังพอใช้ได้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ในปีพุทธศักราช  2541  มีอาคารผู้ป่วยในจิตเวชชายหลายหลัง  อาทิ อาคารราชสาทิส  อาคารรสสุคนธ์  และอาคารพยับหมอก (อาคารพยับหมอกหลังนี้  เป็นอาคารผู้ป่วยสามัญจิตเวชชาย  ซึ่งสร้างขึ้นใหม่  แต่ใช้ชื่อว่าอาคารพยับหมอก  เพื่อทดแทนอาคารพยับหมอกหลังเดิม  ซึ่งเป็นอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชาย  ซึ่งถูกรื้อถอนออกไปในปี พุทธศักราช 2502 ) มีสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก  ปูนที่ฉาบไว้ตามผนังอาคาร  ตามมีรอยแตกร้าวและร่อนออกมา  จนมองเห็นเหล็กเสริมภายในเป็นสนิมผุกร่อน  โรงพยาบาลเกรงว่าอาคารเหล่านี้จะชำรุดทรุดโทรมมากขึ้น  จนพังทลายลงมาจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย  และผู้ปฏิบัติงาน  จึงได้ประสานติดต่อไปยังกองแบบแผน  สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ให้ส่งวิศวกรรมทำการตรวจสอบ  กองแบบแผนได้มีหนังสือลงวันที่  1  ตุลาคม  พุทธศักราช 2541  แจ้งผลการตรวจสอบอาคาร  2  หลัง คือ อาคารรสสุคนธ์   และอาคารพยับหมอกว่าอาคาร  2  หลังดังกล่าวอาจพังทลายลงมาเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงาน  อีกทั้งยังยากแก่การปรับปรุงซ่อมแซม  และหากปรับปรุงซ่อมแซมจะไม่คุ้มค่า  เพราต้องเสียเงินลงทุนสูง  จึงไม่สมควรที่จะใช้งานต่อไป  และสมควรให้รื้อถอนออกไปเสีย  โรงพยาบาลจึงมีความจำเป็นต้องระงับการใช้อาคาร  2  หลัง ดังกล่าว  และทำการรื้อถอนออกไป  ทำให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชชายอย่างมาก  คือสถานที่ที่จะรับผู้ป่วยจิตเวชชาย  ที่มีอาการทางจิตรุนแรงไว้ในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ  ผู้ป่วยจิตเวชชายที่รับไว้ในโรงพยาบาลก็ต้องอยู่กันอย่างแออัด  บางตึกผู้ป่วยต้องนอนกับพื้น  เนื่องจากสถานที่ไม่เพียงพอ  คือเอาเตียงนอนออกจะได้มีที่นอนมากขึ้น  อยู่ร่วมกันอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ  เนื่องจากในระยะเวลาดังกล่าว  เป็นช่วงระยะเวลาที่มีผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตจากการเสพยาบ้าจำนวนมาก  ผู้ป่วยกลุ่มนี้  มักมีอาการทางจิตรุนแรง  มีความจำเป็นจะต้องรับไว้รักษาภายในโรงพยาบาล  ถ้าหากไม่รับไว้รักษาภายในโรงพยาบาล  อาจจะเป็นอันตรายต่อตัวผู้ป่วยเอง  หรือผู้ใกล้ชิด  หรือสังคม  สร้างความเดือดร้อนอย่างมากต่อผู้ป่วย  ญาติผู้ป่วย  และผู้ให้การรักษาพยาบาล

ปีพุทธศักราช  2542  โรงพยาบาลจึงได้ดำเนินการของบประมาณ จำนวน 50 ล้านบาทจากรัฐบาล  โดยผ่านกรมสุขภาพจิต  กระทรวงสาธารณสุข  เพื่อก่อสร้างอาคารผู้ป่วยในสามัญจิตเวชชาย  สูง  5  ชั้น  จำนวน 1 หลัง  และได้รับการอนุมัติในปีพุทธศักราช  2544  จำนวน  42,520,000  บาท  โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายแพทย์วินัย  วิริยกิจจา  และนายแพทย์พรเทพ  ศิริวนารังสรรค์  อธิบดีและรองอธิบดีกรมสุขภาพจิตในขณะนั้น  เนื่องจากงบประมาณที่ได้จำนวน  42,520,000  บาท  ยังไม่เพียงพอ  เมื่ออาคารสร้างเสร็จเรียบร้อยยังจะต้องมีงบประมาณอีกจำนวนหนึ่ง  เพื่อนำไปจัดซื้อครุภัณฑ์ทั่วไป  และครุภัณฑ์ทางการแพทย์  และการตบแต่งภายในประกอบกับผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา  ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีฐานะยากจน  มีอาการทางจิตรุนแรงเรื้อรัง  ผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเรื้อรังนั้น  เมื่อให้การรักษาจนอาการทางจิตสงบแล้ว  แพทย์ผู้รักษาจะให้ผู้ป่วยกลับบ้าน  แต่ต้องทานยาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ  และมาพบแพทย์ตามนัดผู้ป่วยเหล่านี้  ญาติมักจะไม่ยอมรับผู้ป่วยกลับบ้าน  ผู้ป่วยบางรายก็เป็นผู้ป่วยจิตเวชเร่รอนไม่มีญาติ  ตำรวจนำส่งโรงพยาบาล  เมื่อรักษาจนอาการทางจิตสงบแล้ว  ก็ไม่สามารถจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลได้  ทำให้จำนวนผู้ป่วยจิตเวชยากไร้ถูกทอดทิ้งไว้ในโรงพยาบาล  มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นภาระกับโรงพยาบาลในด้านงบประมาณอย่างมาก

นายแพทย์ปรีชา  ศตวรรษธำรง  (ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ระหว่างปี พุทธศักราช 2539  ถึง พุทธศักราช 2545 ) ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการขณะนั้น  มีความคิดว่าการจะดูแลผู้ป่วยให้มีคุณภาพที่ดีนั้น  ทั้งทางด้านการรักษาพยาบาล  สถานที่พักอาศัย  ความเป็นอยู่  ลำพังเฉพาะงบประมาณจากทางราชการอย่างเดียวไม่เพียงพอ  จะต้องมีเงินนอกงบประมาณให้การสนับสนุน  เช่น  งบประมาณจากองค์กรสาธารณกุศล  หรือ  จากผู้มีจิตกุศลบริจาค  จึงดำริที่จะจัดรายการการกุศลทางสถานีวิทยุโทรทัศน์  หารายได้จำนวนหนึ่ง  เพื่อสบทบทุนในการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยในสามัญจิตเวชชาย  จัดซื้อครุภัณฑ์ทั่วไป  ครุภัณฑ์ทางการแพทย์  และช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชยากไร้ที่ถูกทอดทิ้งให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สังคมได้เข้าใจโรงพยาบาลจิตเวช  และผู้ป่วยจิตเวช  เนื่องจากในสังคมส่วนใหญ่  มีความรู้สึกว่าผู้ป่วยจิตเวชเป็นบุคคลที่น่ากลัว  น่ารังเกียจ  ครอบครัวที่มีบุคคลในครอบครัวป่วยเป็นโรคจิต  มีความรู้สึกว่าเป็นที่อับอายขายหน้า  ญาติมักจะปิดบังซ่อนเร้น  ประกอบกับตัวผู้ป่วยเองก็ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ได้  ทำให้ผู้ป่วยจิตเวชขาดความดูแลเอาใจใส่  และถูกทอดทิ้งจากญาติและสังคม  การจัดรายการพิเศษการกุศลทางสถานีวิทยุโทรทัศน์  เป็นการเผยแพร่  ประชาสัมพันธ์ปรับเปลี่ยนทัศนคติของสังคม  ให้เข้าใจว่าผู้ป่วยจิตเวชก็เหมือนกับผู้ป่วยทางกาย  หรือผู้พิการทางกาย  ผู้ป่วยจิตเวชบางรายสามารถรักษาให้หายได้  บางรายถึงแม้ไม่สามารถรักษาให้หายได้  แต่ถ้าหากได้รับการรักษาโดยรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง  และได้รับการดูแลเอาใจใส่จากญาติ  ผู้ป่วยจิตเวชก็สามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างปกติสุข  เหมือนบุคคลทั่วไป  สังคมจะได้ให้ความเมตตากับผู้ป่วยจิตเวชมากขึ้น  การทอดทิ้งผู้ป่วยจิตเวชไว้ในโรงพยาบาลจะได้ลดจำนวนน้อยลง

การดำเนินการจัดงานการกุศล  ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อหารายได้ครั้งแรก  นายแพทย์ปรีชา  ศตวรรษธำรง  ได้เรียนปรึกษาอาจารย์นายแพทย์ชูทิตย์  ปานปรีชา  ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาขณะนั้น  คณะกรรมการมูลนิธิ  และคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา  จะจัดรายการการกุศลทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง  11  เพื่อหารายได้สมทบทุนก่อสร้างอาคารผู้ป่วยในจิตเวชชาย สูง 5 ชั้น  ซื้อครุภัณฑ์ทั่วไป  ครุภัณฑ์ทางการแพทย์  และช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชยากไร้  โดยจะจัดในนามมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา  และก็ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณสมพงศ์  วิสุทธิแพทย์  ซึ่งเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในขณะนั้น  อนุญาตให้ใช้สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง  11  จัดรายการพิเศษการกุศล  เพื่อหารายได้ให้แก่มูลนิธิ  โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย  นายแพทย์ปรีชา  ศตวรรษธำรงได้ไปกราบเรียนปรึกษา  และกราบเรียนเชิญคุณหญิงเอื้อปรานี  เจียรวนนท์  ช่วยเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายหารายได้  ท่านได้ให้ข้อเสนอแนะว่า  ไม่ควรจัดงานการกุศลหารายได้ในระยะนี้  เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาวะตกต่ำหาผู้บริจาคยาก  ได้พยายามกราบเรียนชี้แจงท่านถึงความจำเป็นในการจัดงานการกุศลครั้งนี้  เนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีสถานที่เพียงพอที่จะรับผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตรุนแรงไว้ในโรงพยาบาล  สร้างความเดือดร้อนต่อผู้ป่วย  และญาติผู้ป่วยเป็นอย่างมาก  และผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติงานของโรงพยาบาลในการให้การบำบัดรักษาผู้ป่วยด้วย  สำหรับเงินบริจาคที่ได้จากการจัดงานจะได้มากหรือน้อย  ไม่ใช่เป็นปัจจัยสำคัญ  จุดประสงค์หลักของการจัดงานการกุศลครั้งนี้  เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สังคมได้เข้าใจบทบาทหน้าที่ของโรงพยาบาล  และมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา  และผู้ป่วยจิตเวช  ในที่สุดท่านก็ให้ความเมตตาให้เกียรติเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายหารายได้  ตำแหน่งประธานคณะกรรมการกิตติมศักดิ์มูลนิธิได้กราบเรียนเชิญ  ท่านพลเอกสุจินดา  คราปรายูร  อดีตนายกรัฐมนตรี     โดยอาจารย์จีรพันธ์  คราปรายูร  เป็นผู้ช่วยประสานติดต่อและดำเนินการ  ตำแหน่งประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน  มูลนิธิได้กราบเรียนเชิญท่าน  พลเอกสุรยุทธ  จุลานนท์  ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบกในขณะนั้น  โดยพลเอก บุญรอด  สมทัศน์  ซึ่งดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพบก  เป็นผู้ประสานติดต่อและดำเนินการ   มูลนิธิได้กราบเรียนและเรียนเชิญท่านผู้มีเกียรติ  และท่านผู้มีจิตกุศลจำนวนหลายท่านมาเป็นกรรมการในการจัดงานการกุศลครั้งนี้

จากการประชุมคณะกรรมการการจัดงาน  ที่ประชุมมีมติเนื้อหาสาระสำคัญในการจัดงานการกุศลทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ครั้งที่  1  มีดังนี้

เปลี่ยนสถานที่จัดงานจากสถานีวิทยุโทรทัศน์  กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง  11  เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก  ช่อง  5  เนื่องจากว่าประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน  เป็นท่านผู้บัญชาการทหารบก  สำหรับค่าใช้จ่ายในการออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก  ช่อง  5  ก็ได้รับความอนุเคราะห์จากท่านพลเอกสุรยุทธ  จุลานนท์  ไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น  ใช้ชื่อในการจัดงานการกุศลครั้งนี้ว่า มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาร่วมกับกองทัพบก  จัดรายการพิเศษการกุศล  ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก  ช่อง 5 “สายธารศรัทธาสู่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (หลังคาแดง)  111  ปี ”   ออกอากาศในวันเสาร์ที่  25  พฤศจิกายน  พุทธศักราช  2543  เวลา 22.00 น.  ถึง 00.30 น.  คุณอุษา  มนต์เสรีนุสรณ์  รองประธานคณะกรรมการการอำนวยการ  ได้เสนอที่ประชุม  ให้มูลนิธิ ฯ ทำหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  เพื่อขอพระราชทานพระราชานุญาต  ให้มูลนิธิ ฯ จัดทำเข็มทองฝังเพชรพระปรมาภิไธยย่อ “สธ”  มอบให้แก่ผู้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิ ฯ จำนวน 150,000 บาทขึ้นไป  เพื่อเป็นศิริมงคลและเป็นที่ระลึกแก่ผู้บริจาค  พระองค์ท่านได้พระราชทานพระราชานุญาตให้มูลนิธิ ฯ ดำเนินการได้  เมื่อวันที่  24  ธันวาคม  พุทธศักราช  2543  นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อผู้บริจาค  และมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา

ผู้มีจิตกุศลประเดิมบริจาคเป็นรายแรกคือ  คุณถนอมฤดี  แสงอุทัย  มารดาคุณหญิงส่องแสง  แสงอุทัย  บริจาคให้ 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาท) รายได้ที่ได้รับจากการจัดงานการกุศลครั้งแรก  “สายธารศรัทธาสู่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (หลังคาแดง)  111  ปี ”  ณ . วันที่  31  ธันวาคม  พุทธศักราช  2543  เป็นเงิน  31,711,958  บาท

ความเป็นมาการก่อสร้างอาคารราชสาทิสหลังใหม่

สืบเนื่องจากการจัดงานการกุศลครั้งที่  1  ได้รับเงินบริจาคเป็นจำนวนมากถึง  31,711,958  บาท  และหลังจากสมทบทุนก่อสร้างอาคารผู้ป่วยสามัญจิตเวชชาย  สูง 5  ชั้น  และซื้อครุภัณฑ์  ยังมีเงินเหลืออีกจำนวนหนึ่ง  พอที่จะเป็นทุนเริ่มต้นในการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชายอีก 1 หลัง ประกอบกับในขณะนั้นเงินบำรุง      ของโรงพยาบาลมีอยู่ 120 ล้าน บาท  และอาคารราชสาทิสซึ่งเป็นอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชาย  เป็นอาคารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่  9  ได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ก่อสร้างขึ้นดังที่กล่าวมาแล้ว  มีสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก  เช่นเดียวกัน  และอาคารหลังนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา  ด้านประวัติศาสตร์การบำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวช  นายแพทย์ปรีชา  ศตวรรษธำรง  จึงดำริที่จะก่อสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษ  จิตเวชชายขึ้นอีกหนึ่งหลังทดแทนอาคารราชสาทิส  เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช  ที่มีต่อสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยาและผู้ป่วยจิตเวช  อาคารที่จะก่อสร้างใหม่นี้เป็นอาคารสูง 9 ชั้น  งบประมาณในการก่อสร้าง  120 ล้านบาท  เป็นเงินบำรุงของโรงพยาบาล  60  ล้านบาท  เงินส่วนที่ยังขาดอยู่อีก  60  ล้านบาท  จะเป็นเงินจากผู้มีจิตกุศลร่วมบริจาค  คือส่วนหนึ่งจากการจัดงานการกุศล “สายธารศรัทธา สู่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (หลังคาแดง) 111 ปี ”  พุทธศักราช 2543  ที่เหลืออยู่  ส่วนเงินที่ยังขาดอยู่จะจัดรายการกุศลทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5     ในปีพุทธศักราช  2544  และ ปีพุทธศักราช  2545  เพื่อหารายได้สมทบ  จึงได้นำเรื่องดังกล่าวปรึกษาคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล คณะกรรมการบริหารมูลนิธิ ฯ และคณะกรรมการจัดงานหารายได้  คณะกรรมการทุกท่านเห็นด้วยกับการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชายหลังใหม่นี้

ในปีพุทธศักราช  2544  มูลนิธิ ฯ จึงได้มอบให้ นายวิโรจน์  นรไกร  สถาปนิก และนายสมศักดิ์  อัครนวเสรี  วิศวกร จากกองแบบแผนสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ออกแบบ  เป็นอาคารสูง  9  ชั้น  เนื้อที่ใช้สอย 8,557 ตารางเมตร  วงเงินในการก่อสร้าง  120 ล้านบาท  รายละเอียดอาคารมีดังนี้

            ชั้นที่  1  เป็นหน่วยงานให้การรักษาผู้ป่วยด้วยไฟฟ้า 

            ชั้นที่  2  ถึงชั้นที่  5  เป็นผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชาย

            ชั้นที่  6  เป็นหน่วยงานห้องสมุด 

            ชั้นที่  7  เป็นหน่วยงานพิพิทธภัณฑ์ 

            ชั้นที่  8  เป็นห้องบรรยาย  และห้องประชุมเล็ก 

            ชั้นที่  9  เป็นห้องประชุมใหญ่ 

เมื่อแบบอาคารเสร็จเรียบร้อย  สถาบันได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่  9  พร้อมแบบอาคารก่อสร้าง  เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รื้อถอนอาคารราชสาทิสออก  สร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นทดแทน  ใช้ชื่ออาคารหลังใหม่นี้ว่า  “ราชสาทิส” เหมือนเดิม  และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเมื่อวันที่  8  พฤศจิกายน  พุทธศักราช  2544  (ตามเอกสารหมายเลข 9)

ในปีพุทธศักราช  2544 มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาได้มีการเปลี่ยนแปลงอันเป็นศิริมงคล  สมควรจารึกไว้ในประวัติมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา นายแพทย์ปรีชา  ศตวรรษธำรง มีดำริขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  เพื่อทรงรับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาไว้ในพระราชูปถัมภ์  จึงได้ไปกราบเรียนปรึกษาคุณหญิงเอื้อปรานี เจียรวนนท์  ท่านก็ได้ให้ความอนุเคราะห์ประสานดำเนินการ ติดต่อกับกองงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  จนในที่สุดมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา  ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  ทรงรับมูลนิธิไว้ในพระราชูปถัมภ์  เมื่อวันที่  28  กันยายน  พุทธศักราช  2544  (ตามเอกสารหมายเลข 10 )

ในปีพุทธศักราช  2544 นี้  มูลนิธิได้จัดงานการกุศลครั้งที่  2  เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชายจัดในนาม  มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา  ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ  สยามบรมราชกุมารี  ร่วมกับกองทัพบก  จัดรายการการกุศล “สายธารศรัทธาสู่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (หลังคาแดง)  112  ปี ”  ณ. สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก  ช่อง 5  ในวันศุกร์ที่  23  พฤศจิกายน  พุทธศักราช  2543  เวลา  22.15  น.  ถึง 00.45 น.  ณ.วันที่  31  ธันวาคม  พุทธศักราช  2544   ได้รับเงินบริจาค  28,050,282  บาท

ในปีพุทธศักราช  2545  คุณหญิงเอื้อปรานี  เจียรวนนท์  ได้ปรารภกับคณะกรรมการจัดงานว่า  อาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชายที่จะสร้างขึ้นใหม่นี้  น่าจะขอพระราชทาน  พระราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นอาคาร ภ.ป.ร.  คุณหญิงเอื้อปรานี  เจียรวนนท์  และ นายแพทย์ปรีชา  ศตวรรษธำรง  จึงได้ไปกราบเรียนปรึกษาท่านราชเลขา  ดร.อาษา  สารสิน  ได้รับความเมตตาจากท่านให้ข้อเสนอแนะ  ต่าง ๆ สถาบันได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานราชเลขาธิการ  พระบรมมหาราชวัง  เพื่อกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ในวันที่  26  สิงหาคม  พุทธศักราช  2545  สำนักงานราชเลขาธิการ  พระบรมมหาราชวังได้มีหนังสือแจ้งมายังสถาบันความว่า    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญอักษร  พระปรมภิไธยย่อ ภ.ป.ร.  มาประดิษฐาน ณ อาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชายที่จะสร้างทดแทนอาคารราชสาทิส (ตามเอกสารหมายเลข 11)   ยังความปลาบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างมากแก่คณะกรรมการจัดงาน  คณะกรรมการมูลนิธิ  และบุคลากรของสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา

ในปีพุทธศักราช  2545  มูลนิธิ ฯ ได้จัดงานการกุศลอีกครั้งเป็นครั้งที่  3  เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชาย  จัดในนาม มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  ร่วมกับกองทัพบก  จัดหารายได้พิเศษการกุศล “สายธารศรัทธาสู่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (หลังคาแดง) 113 ปี ”  ณ. สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5  ในวันศุกร์ที่  27  กันยายน  พุทธศักราช 2545  เวลา  22.00 น.  ถึง  00.45  น.  ณ. วันที่  31  ธันวาคม  พุทธศักราช  2545  ได้รับเงินบริจาค  32,546,808.58  บาท

การจัดงานการกุศล ทั้ง  3  ครั้ง  ในปีพุทธศักราช  2543  , พุทธศักราช  2544  และ พุทธศักราช  2545  ได้เงินรวมทั้งสิ้น  92,309,044.08  บาท

การก่อสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชาย(อาคารราชสาทิสหลังใหม่) ได้ดำเนิน การเปิดซองประกวดราคาจ้าง  เมื่อวันที่  3  กันยายน  พุทธศักราช  2545  นายแพทย์ปรีชา   ศตวรรษธำรง  เป็นประธานเปิดซองประกวดราคาจ้าง  มีผู้เข้าเสนอราคาทั้งหมด  11  ราย  คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา  ได้พิจารณาใบเสนอราคาแล้ว  บริษัทพิพิธชาญ จำกัด  เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด  เป็นเงินจำนวน 96,873,681.36  บาท (เก้าสิบหกล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นสามพันหกร้อยแปดสิบเอ็ดบาทสามสิบหกสตางค์)  ซึ่งต่ำกว่าราคากลางของกองแบบแผน  สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้  ราคากลางของอาคารหลังนี้ที่กองแบบแผนกำหนดไว้  136,570,800 บาท (หนึ่งร้อยสามสิบหกล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นแปดร้อยบาท) การก่อสร้างได้เริ่มปลายปี พุทธศักราช 2546  โดยมีการยกเสาเอกเมื่อวันที่  12  ธันวาคม  พุทธศักราช 2546  และได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์  เมื่อวันเสาร์ที่  27  มีนาคม  พุทธศักราช  2547  เวลา  14.00 น.  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ  สยามบรมราชกุมารี  ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธี  (ตามเอกสารหมายเลข 12 และ 13)  อาคารหลังนี้อยู่ในระหว่างก่อสร้าง  จะแล้วเสร็จประมาณกลางปี พุทธศักราช  2549

การก่อสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชาย (อาคารราชสาทิสหลังใหม่)  เมื่อแล้วเสร็จ  มูลนิธิ ฯ ยังมีเงินเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่ง  เนื่องจากผลการเปิดซองประกวดราคาการก่อสร้างอาคารหลังนี้  มีราคาต่ำกว่าราคากลางที่กองแบบแผน  สำนักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ถึง 40 ล้านบาท  นายแพทย์ปรีชา  ศตวรรษธำรง  จึงได้เรียนปรึกษาคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล  คณะกรรมการมูลนิธิ  และคณะกรรม การจัดงานหารายได้ จะนำเงินส่วนที่เหลือจากการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษชาย  ไปเป็นทุนเริ่มต้นในการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชหญิงอีก  1  หลัง  เพื่อทดแทนอาคารผู้ป่วยจิตเวชหญิงหลายหลัง  ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างมากเช่นเดียวกัน  เป็นอาคารสูง 9 ชั้น รับผู้ป่วยได้ประมาณ  300 ราย  งบประมาณในการก่อสร้าง  150  ล้านบาท  จะเป็นเงินจากผู้มีจิตกุศลร่วมบริจาคทั้งสิ้น  เงินส่วนที่ยังขาดอยู่มูลนิธิ ฯ   จะเป็นผู้รับผิดชอบ  โดยจะจัดรายการพิเศษการกุศลทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เหมือนที่ผ่านมา  เชิญชวนผู้มีจิตกุศลร่วมบริจาคสมทบทุนส่วนที่ยังขาดอยู่

การก่อสร้างอาคารผู้ป่วยพิเศษจิตเวชชาย (อาคารราชสาทิสหลังใหม่)  ได้สำเร็จเรียบร้อย  ได้มาจากเงินบริจาคของผู้มีจิตกุศล  จากการเสียสละทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจของคณะกรรมการจัดงาน  คณะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา  ในพระราชูปถัมภ์ ฯ  และบุคลากรของสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยาทุก ๆ ท่าน  หน่วย งานและบริษัทห้างร้านต่าง ๆ   เช่น  สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก  ช่อง 5  สถานีวิทยุโทรทัศน์ ยูบีซี  สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11  กรมประชาสัมพันธ์  บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์  กรมสุขภาพจิต  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  หนังสือพิมพ์มติชน  มูลนิธิโรง พยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา  ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนการก่อสร้างอาคารหลังนี้

ติดต่อเรา

มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ในพระราชูปถัมภ์ฯ

112 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 10600

02-439-0357

FOLLOW US

Chat