ปัญหาสุขภาพจิตและโรคทางจิตเวชในผู้สูงอายุ

1 ก.พ. 2024
icon-share
แชร์

ประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเป็นจำนวนมาก และผู้สูงอายุเป็น กลุ่มประชากรที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเรื่อยมา สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของวัยผู้ สูงอายุนั้นคือการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย มีความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ เมื่ออายุมากขึ้น ส่วนในด้านของจิตใจก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ในวัยของผู้สูงอายุนี้จะประสบกับการสูญเสียเป็นจำนวนมาก เช่น ความเจ็บป่วย การเกษียณอายุ การเสียชีวิตของบุคคลที่รัก นอกจากนี้สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทำให้เกิดภาวะที่มีการแข่งขันกันมากขึ้น ต่างคนต่างอยู่มากขึ้น ครอบครัวเปลี่ยนแปลงจากการอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่กลายเป็นครอบครัวเดี่ยว อยู่กันเฉพาะพ่อแม่ลูก ทำให้ผู้สูงอายุขาดการดูแลเอาใจใส่จากลูกหลาน ผู้ที่ไม่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้อาจเกิดเป็นปัญหาสุขภาพจิตและโรคทางจิตเวชตามมาได้

ปัญหาสุขภาพจิตและโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ

  1. ภาวะซึมเศร้า
    พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุร่วมกัน ทั้งสาเหตุทางด้านร่างกาย จิตใจ และสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่มีความสุข ซึมเศร้า เบื่อหน่ายท้อแท้ หมดความกระตือรือร้น แยกตัวเอง นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร บางครั้งมีความรู้สึกสิ้นหวัง มองตนเองไร้ค่า เป็นภาระต่อคนอื่น ถ้ามีอาการมากจะมี คิดอยากตายหรือคิดฆ่าตัวตาย บางรายอาจมีอาการหูแว่ว หวาดระแวงร่วมด้วยได้ สำหรับผู้ป่วยสูงอายุส่วนมากมักมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการทางกายต่างๆเช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง และจะมีปัญหาความจำมากกว่าที่จะบอกว่าตนเองเศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ เนื่องจากภาวะซึมเศร้านั้นสามารถรักษาหายได้และผู้สูงอายุสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติดังนั้นหากพบว่าผู้สูงอายุในบ้านมีความผิดปกติญาติควรรีบพามาพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุและความรุนแรงของภาวะซึมเศร้า แพทย์จะได้ให้การดูแลรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยในแต่ละราย
  2. กลุ่มอาการโรคจิต (Psychosis)
    อาการโรคจิตที่พบบ่อย คือ การหลงผิดชนิดหวาดระแวง อาการประสาทหลอน ความคิดและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม กลุ่มอาการโรคจิตในผู้สูงอายุ อาจจะเกิดจากโรคจิตเภท โรคหลงผิด โรคอารมณ์แปรปรวน ภาวะเพ้อ สับสน ภาวะสมองเสื่อม หรือจากโรคทางกาย ยา และสารเสพติดต่างๆ การรักษาโรคที่เป็นเหตุเป็นสิ่งสำคัญ การใช้ยาต้านโรคจิต พึงต้องระวังเพราะผู้ป่วยสูงอายุมักเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยามากกว่าในวัยหนุ่มสาว ดังนั้นแพทย์จึงจะให้ยาในขนาดต่ำก่อนและปรับยาอย่างช้าๆเพื่อควบคุมอาการผู้ป่วย
  3. ภาวะสมองเสื่อม (Dementia)
    ภาวะสมองเสื่อมเป็นภาวะที่ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการรู้คิดในการทำงานของสมองหลายๆ ด้านซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการทำงานและการประกอบกิจวัตรประจำวัน ผู้ป่วยมักมีปัญหาความจำระยะสั้นไม่ดี เช่น ลืมวันนัด ลืมสิ่งของบ่อยๆ พูดซ้ำ ถามซ้ำ เรียกชื่อสิ่งของและชื่อคนที่คุ้นเคยไม่ถูก หลงทางเวลาเดินทางออกนอกบ้านคนเดียว

    ผู้ป่วยมักจะมีความผิดปกติของอารมณ์และบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ซึมเศร้า หงุดหงิดก้าวร้าว มีพฤติกรรมแปลกไม่เหมาะสมกับสถานการณ์แวดล้อม หวาดระแวง หูแว่วหรือเห็นภาพหลอนร่วมด้วยสมองเสื่อมเกิดจากหลายสาเหตุ มีทั้งที่แก้ไขได้และแก้ไขไม่ได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าผู้สูงอายุในบ้านจะมีภาวะสมองเสื่อม ญาติจึงควรพามาพบแพทย์เพื่อประเมินและรีบรักษาก็จะช่วยชะลอความเสื่อมได้ ซึ่งวิธีรักษาก็ขึ้นอยู่กับอาการและระดับความเสื่อม โดยอาจใช้ยาที่ชะลอการเสื่อมช่วย หรือใช้ยาเพื่อช่วยลดปัญหาพฤติกรรม แต่ที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น เช่น ควบคุมอาหาร ให้ระดับน้ำตาล ไขมัน และความดันเป็นปกติ
  4. นอนไม่หลับ โดยทั่วไปในวัยสูงอายุ มักต้องการเวลานอนน้อยลง จากการเปลี่ยนแปลงของสรีระวิทยา ทำให้นอนหลับน้อยลง ตื่นเช้ากว่าปกติ แต่ถ้าผู้สูงอายุมีปัญหานอนหลับยาก มักชอบตื่นกลางดึก ตื่นแล้วหลับต่อไม่ได้ทำให้กลางวันง่วง ไม่สดชื่น อ่อนเพลีย ควรได้รับการดูแลโดยหาสาเหตุของการนอนไม่หลับ ซึ่งอาจเกิดจากโรคทางกาย อาทิ โรคปวดต่างๆ การปัสสาวะบ่อย หรือมีภาวะซึมเศร้า ถ้าแก้ปัญหาต้นเหตุได้ จะทำให้หลับดีขึ้น นอกจากนี้ควรฝึกการนอน คือ เข้านอนให้ตรงเวลา ตื่นตรงเวลา ไม่งีบหลับเวลากลางวัน ถ้าเข้านอนแล้วยังไมหลับ ควรลุกขึ้นมาทำโน่น ทำนี่ รอให้ง่วงจึงเข้านอนใหม่ ออกกำลังกายตอนเย็น หรือดื่มนมอุ่นๆก่อนนอนจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น

การส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุ

  1. การดูแล รักษา สุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับวัย การออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ
  2. ไม่ปล่อยให้ตนเองอยู่ว่าง หางานอดิเรกหรือสิ่งที่ตนสนใจอยากทำ
  3. ตรวจสุขภาพผู้สูงอายุเป็นประจำ พบแพทย์ปีละครั้ง
  4. ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทำอาหารให้บุตรหลานรับประทาน ไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด ไปทำบุญที่วัด ดูโทรทัศน์ หรือออกกำลังกายร่วมกัน เป็นต้น
  5. ทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เช่น เข้าชมรมผู้สูงอายุ ไปวัด เป็นต้น จะช่วยให้มีเพื่อนใหม่ๆ ได้ทำกิจกรรมใหม่ๆ

การดูแลผู้สูงอายุนั้นลูกหลานและญาติพี่น้องมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุภาพจิตที่ดีและมีความสุข สามารถปรับตัวกับเรื่องต่างๆได้ดี ญาติควรดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุด้วยความรัก ความเข้าใจ ไม่ทอดทิ้ง และควรหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกเหงาและรู้สึกมีคุณค่าเสมอ

แพทย์หญิงทัศนีย์ กุลจนะพงศ์พันธ์
นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

บทความที่เกี่ยวข้อง

หลักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

5 ก.ค. 2024

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ มีดังนี้การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นยุทธวิธีอย่างหนึ่งที่จะส่งเสริมสุขภาพป้องกัน รักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพ สามารถปฏิบัติได้ทุกคนและทุกสภาพร่างกาย ถ

อ่านต่อ...

การทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมีความสุข

1 ก.พ. 2024

ความสุขของมนุษย์ประกอบด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้ การจะทำงานประสบความสำเร็จอย่างมีความสุขนั้น ตัวเราจะต้องมีความพร้อม และความพึงพอใจในงานที่จะทำ และต้องทำงานนั้นด้วยใจรักและทำอย่างมีความสุข การมีสุขภาพกายท

อ่านต่อ...

ท่อนหนึ่งของทำงานดี..........สร้างสุข

1 ก.พ. 2024

ตั้งแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไป สิ่งที่มนุษย์เราทุกผู้ทุกนามต่างหวังและปรารถนาคือ ให้ตนมีความสุขตลอดชีวิต การจะทำให้เรามีความสุขนั้น คงหนีไม่พ้นต้องทำงานและทำความดี ทำไมเราต้องทำงานด้วย ก็เ

อ่านต่อ...

ติดต่อเรา

มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ในพระราชูปถัมภ์ฯ

112 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 10600

02-439-0357

FOLLOW US

Chat